วันอังคารที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2556

เจาะลึกรถ RED BULL

เจาะลึกรถ RED BULL RB6 กระทิงแดงแรงฤทธิ์




พลัง 700 แรงม้าในเครื่องยนต์ V8 2400 c.c. กับการคว้าชัยชนะด้วยเทคโนโลยีบนสนามแข่งขันที่มีความเร็วสูงที่สุดในโลก
วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2480 ราชยานยนต์สมาคมได้รับอนุญาตจากกระทรวงมหาดไทย ให้ปิดเส้นทางถนนราชดำเนิน ตั้งแต่สะพานผ่านฟ้าลีลาศจนไปถึงหน้าพระบรมรูปทรงม้า เพื่อให้มีการประลอง ความเร็วของรถยนต์ชนิดต่างๆ และเนื่องในโอกาสที่ พระองค์เจ้าพีระพงษ์ ภานุเดช ได้เสด็จกลับประเทศไทยพร้อมกับพระญาติ ซึ่งทรงเป็นผู้จัดการทีมรถแข่งของพระองค์เอง ทำหน้าที่ดูแลและจัดหารถแข่งชั้นเยี่ยมกับช่างประจำทีมตลอดจนจัดหาทุนทรัพย์ นั่นก็คือ พระองค์เจ้า จุลจักรพงษ์ หลังจากนำทีมแข่งรถคอกหนูขาว ซึ่งมีพระองค์เจ้าพีระฯ เป็นนักขับคว้าตำแหน่ง เจ้าดาราทองหรือรางวัลชนะเลิศสูงสุดของการแข่งขันรถยนต์กรังด์ปรีซ์ในประเทศอังกฤษได้เป็นครั้งที่สองติดต่อกัน (ภายหลังพระองค์เจ้าพีระฯ เดินทางกลับไปยังประเทศอังกฤษแล้วคว้าชัยชนะเป็นปีที่สามติดต่อกัน พร้อมกับขึ้นรับรางวัลเจ้าดาราทองหรือ โกลด์สตาร์แฮททริค ที่ยังไม่เคยมีนักขับคนใดทำได้มาก่อนจวบจนปัจจุบัน) พระองค์พีระฯ จะทรงขับรถแข่งคันล่าสุดชื่อ รอมิวลุส ให้ประชาชนได้ชมกันอีกด้วย ซึ่งการแข่งขันรถยนต์ในทวีปยุโรปช่วงปี พ.ศ. 2480 เปรียบเทียบได้กับการแข่งขันรถ Formula 1 ของยุคปัจจุบันนี้ เนื่องจากความนิยมอันล้นหลามของผู้ชมในสนามและความเร็วของตัวรถจากเครื่องยนต์และระบบต่างๆ ที่มีความคล้ายคลึงกันในการพัฒนารถแข่งของแต่ละยุคสมัย

พระองค์เจ้าพีระฯ ชนะเลิศที่พระราชวังคริสตัลพาเลซ ปี พ.ศ. 2480 และรับรางวัลดาราทองจากชัยชนะ 2 ปีซ้อน 

ในหนังสือพิมพ์ประชามติซึ่งวางจำหน่ายช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่สองจะอุบัติขึ้น ได้ลงข่าวการปิดถนนเพื่อโชว์รถแข่งของพระองค์เจ้าพีระฯ ในครั้งนั้นว่า "พอได้ยินเสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่ม และทั้งคอยเฝ้าจับตามองอยู่ ก็ได้เห็นพระองค์เพียงแวบเดียวเท่านั้น"ส่วนหนังสือพิมพ์ ดาวนคร ได้ลงบทความวิจารณ์การขับรถแข่งของพระองค์เจ้าพีระฯ เอาไว้ว่า "แต่ก่อนพวกเราโดยมากเข้าใจไปว่า การแข่งรถนั้นคือการแสดงความสามารถของเครื่องยนต์ ใครมีรถที่มีเครื่องยนต์ดีกว่า มีคุณภาพในการทำความเร็วทางตรงสูงกว่า ย่อมได้รับชัยชนะในการลงทำการแข่งขัน แต่บัดนี้ พระองค์เจ้าพีระฯได้แสดงให้เราเข้าใจได้ว่า การแข่งรถนั้นสำคัญต้องอยู่ที่ความเร็วของเครื่องยนต์และความชำนาญในการขับรถแข่งคันนั้นให้เร็วยิ่งขึ้นไปอีก จากความสามารถของผู้ขับบวกกับสมรรถนะของตัวรถ พระองค์ได้แสดงให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญในการควบคุมรถแข่งที่ความเร็วสูง โดยเฉพาะช่วงทางโค้ง ด้วยการใช้เทคนิคของการขับรถเมื่อเลี้ยวโค้งด้วยความเร็วสูงให้กับคนไทยที่เข้าชมอยู่สองข้างทางของถนนราชดำเนินได้เข้าใจ ถ้าความชำนาญของผู้ขับไม่พอดีกับสมรรถนะของรถแข่งคันนั้นๆ นั่นคือบ่อเกิดแห่งอันตราย ความชำนาญ ความหนักแน่นมั่นคงของระบบประสาท เป็นหัวใจสำคัญของการแข่งรถ เท่ากับความสำคัญของคุณภาพรถแข่งเลยทีเดียว"

                   

พระองค์เจ้าพีระฯ ขับนำจนเข้าเส้นชัยในอันดับที่ 1 ที่อังกฤษเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2480


รถแข่งชื่อหนุมานของพระองค์เจ้าพีระฯ เข้าเส้นชัยในอันดับที่ 1 ของการแข่งขันที่แคมป์เบลล์


สนามดอนิงตัน ก้อนกรวดที่กระเด็นมาโดนกระจกแว่นจนทำให้พระองค์เจ้าพีระต้องออกจากการแข่งขัน
ปี พ.ศ. 2482 รัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงครามได้ลงมติในที่ประชุมรัฐสภา อนุมัติให้มีการจัดการแข่งขันรถยนต์ในประเทศไทยขึ้นเป็นครั้งแรก โดยใช้ชื่อว่า กรุงเทพฯ กรังด์ปรีซ์ ซึ่งเป็นไปตามพระประสงค์ของพระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ ที่ต้องการโปรโมตภาพลักษณ์ของประเทศไทยให้นำหน้าชาติเอเซียอื่นๆ ในยุคนั้นบนกีฬามอเตอร์สปอร์ต เงินรางวัลของผู้ชนะในรายการกรุงเทพฯกรังด์ปรีซ์ รัฐบาลได้นำเงินส่วนหนึ่งมาจากการออกสลากจำนวน 100,000 บาท มอบให้ราชยานยนต์แห่งประเทศไทย (ร.ย.ส.ท.) รับผิดชอบดำเนินงานกำหนดเส้นทางการแข่งขันรอบพระบรมมหาราชวัง ถึงบริเวณถนนรอบท้องสนามหลวง ความใฝ่ฝันของทั้งสองพระองค์เกือบจะเป็นจริงโดยมีนักขับรถแข่งชั้นนำของโลก เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน สวิส อิตาลีและฮอลแลนด์ ตอบรับจดหมายเชิญจากพระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ แต่เป็นที่น่าเสียดายที่มหาสงครามโลกครั้งที่สอง ได้อุบัติขึ้นทำให้การแข่งขันรถยนต์ในรายการ "กรุงเทพฯกรังด์ปรีซ์" ต้องล้มเลิกไปโดยปริยาย 

จวบจนทุกวันนี้รถแข่ง "รอมิวลุส" ในสภาพสมบูรณ์ ยังคงจอดสงบนิ่งอยู่บนแท่นโชว์ที่พิพิธภัณฑ์รถแข่งในประเทศอังกฤษ เพื่อรอคอยวันเวลาที่จะได้ออกมาโลดแล่นไปบนสนามแข่งขัน เพื่อสานต่อประวัติศาสตร์กีฬามอเตอร์สปอร์ตของคนไทย ที่เคยรุ่งเรืองในอดีต





RB6 Red Bull Racing Team In Bangkok
18 ธันวาคม พ.ศ. 2553 ช่วงบ่ายสี่โมงเย็น กับการเชื่อมประสานรอยต่อของประวัติศาสตร์ทั้งสองยุคบน ถนนราชดำเนินก็ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ รถแข่ง RB6 ของ Red Bull Racing Team ที่ขับโดยสุดยอดนักแข่ง F1 Mark Webber พุ่งทะยานผ่านทางโค้งของวงเวียนอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยด้วยความเร็วสูง พร้อมกับเสียงเครื่องยนต์ V8 ที่มีปริมาตรความจุเพียงแค่ 2.4 ลิตรหรือ 2400 c.c. แต่มีแรงม้ามากถึงกว่า 680-700 แรงม้า รถแข่งที่ใช้เครื่องยนต์ขนาดเล็กแต่ให้แรงบิดที่สูงมากคันนี้ พร้อมทีมแข่ง Red Bull Racing Team เป็นของคนไทยที่มีใจรักทางกีฬามอเตอร์สปอร์ตที่ออกเดินทางจากทวีปยุโรปตรงเข้าสู่ถนนราชดำเนิน เพื่อเปิดโอกาศให้คนไทยที่มีใจรักกีฬาแข่งรถได้เห็นถึงประสิทธิภาพ และสมรรถนะอันสุดยอด จนสามารถคว้าตำแหน่งชนะเลิศในการแข่งขัน Formula 1 ประจำฤดูกาล 2010 มาครองด้วยความภาคภูมิใจ



RB6 Red Bull F1 Racing-Car

Renault Engine RS 27-2010


RB6 F1 OZ Racing
รถ RB6 ของ Red Bull Racing F1 Team คันที่วิ่งโชว์บนถนนราชดำเนินใช้โครงตัวถังแบบ Composite Monocoque Structure โดยการขึ้นรูปโครงรถด้วยวัสดุคาร์บอนคอมโพสิต ซึ่งจะผ่านกรรมวิธีในการอบขึ้นรูปด้วยเตาอบแรงดันสูง เพื่อให้เส้นใยคาร์บอนเกาะยึดกันอย่างเหนียวแน่น เครื่องยนต์ที่วางอยู่ด้านหลังนักขับ เป็นเครื่องยนต์แบบ V8 ความจุ 2.4 ลิตร วางทำมุม 90 องศา มีวาล์วทั้งหมด 32 ตัว เครื่องยนต์ตัวนี้ใช้รหัส Renault Engine RS 27-2010 ผลิตโดยแผนกมอเตอร์สปอร์ตของบริษัท Renault  ซึ่งเป็นแผนกที่ทำการค้นคว้าวิจัย รวมถึงพัฒนาเครื่องยนต์ของรถแข่ง F1 แล้วผลิตเพื่อส่งให้กับทีมแข่งของ Red Bull ใช้ทำการแข่งขัน 

ระบบส่งกำลังหรือระบบเกียร์ของรถ RB6 เป็นเกียร์อัตโนมัติแบบเซมิออโตเมตริค 7 สปีด ทำงานด้วยระบบไฮดรอลิคของเหลวหล่อลื่นแรงดันสูง กลไกในการสับเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ขึ้น-ลง กับตัวครัช พัฒนาโดยบริษัท AP Racing สามารถเปลี่ยนจากเกียร์ 7 ลงมาที่เกียร์ 2 ภายในชั่วพริบตา โดยนักขับแค่กระดิกนิ้วตรงแป้นเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์หลังพวง มาลัย ล้อของรถแข่ง RB6 เป็นล้ออัลลอยน้ำหนักเบาแบบรูยึดเดี่ยว หรือ Center Lock เพื่อความรวดเร็วในการถอดเข้า-ออก เมื่อวิ่งเข้าพิตเปลี่ยนยาง วงล้อทั้งสี่เป็นของค่ายล้อแม็ก OZ Racing จากอิตาลี ซึ่งเป็นบริษัทผลิตล้อรถแข่งหลากหลายประเภท ล้อหน้าขนาด 12.0 นิ้ว x 13.0 นิ้ว ส่วนล้อหลังขนาด 13.7 นิ้ว x 13.0 นิ้ว และถูกหุ้มรัดเอาไว้ด้วยยางซิ่ง F1 ของ Bridgestone



Double Wishbone With Springs And Anti-Roll Bar, Multimatic Dampers


RB6 Brembo Brakes
ระบบกันสะเทือนด้านหน้าของเจ้า RB6 เป็นอัลลอยน้ำหนักเบาส่วนผสมพิเศษกับคาร์บอนคอมโพสิต แบบ Double Wishbone With Springs And Anti-Roll Bar, Multimatic Dampers ส่วนกันสะเทือนหลังก็ยังเหมือนกับด้านหน้า เพื่อสร้างแรงยึดเกาะกับผิวถนนให้มากที่สุดในการวิ่งทั้งบนทางตรงหรือทางโค้ง ซึ่งบางสนามใช้รอบสูงถึง 17,500-18,000 รอบต่อนาที ส่วนระบบห้ามล้อเป็นเบรคแบบจานดิสเบรค พร้อมคาร์ลิปเปอร์เบรคของ Brembo บริษัทที่รับผลิตเบรคขนาดใหญ่ให้กับรถแข่งและรถซุปเปอร์คาร์ที่มีแรงม้ามากๆ จานเบรคคาร์บอนของรถ RB6 ก็ยังผลิตจากบริษัท Brembo อีกเช่นกัน ส่วนกล่องอิเล็กทรอนิกส์ ที่ควบคุมระบบต่างๆ ของตัวรถ จะอยู่ในการดูแลของสมาพันธ์ยานยนต์นานาชาติ FIA หรือ FIA (MESL) Standard Control Unit ที่เข้มงวดมากในการบังคับเพื่อมิให้เกิดการเอาเปรียบในระหว่างการแข่งขัน ของเหลวหล่อลื่นและเชื้อเพลิงจากบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของฝรั่งเศส Total Group.




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น