วันเสาร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2556

สุดยอด ( รถหรู )

สุดยอด ( รถหรู )





5 สุดยอดรถยนตร์หรู...แพงที่สุดในโลก!

มาชมความสวยงาม หรูหรา สมรรถนะ และ ราคา กันเลย.. 

ลำดับที่ 1. Bugatti Veyron 
 

$ 1, 192, 057 (41,721,995 บาท) ไม่รวมภาษี

นี่คือรถที่แพงที่สุดในโลก ที่มีจำหน่ายในโชว์รูม ประจำปี 2008
สามารถเร่งสูงสุด 0- 60 mph ในเวลาเพียง 2.5 วินาที และความเร็วสูงสุดที่ 253 ไมล์ต่อชั่วโมง (404 ก.ม.ต่อชั่วโมง)
เป็นรถที่วิ่งเร็วที่สุดในโลกลำดับที่ 2
แต่ที่สำคัญ ก่อนที่คุณจะซื้อคันนี้ไปใช้ ควรศึกษาเส้นทางก่อนนะคร๊าบ
 

 


ลำดับที่ 2. Pagani Zonda C12 F 
 

$ 667, 321 (23,356,235 บาท) ไม่รวมภาษี

ผลิตโดยบริษัทเล็กๆในอิตาลี และคันนี้เป็นรถที่เร็วที่สุดในโลก ลำดับที่แปด
แต่ทว่า ความหรูหราและระบบรับความสั่นสะเทือนชั้นเยียม
คุณแทบจะไม่รู้สึกเลย เมื่อวิ่งที่ความเร็ว 215 ไมล์ต่อชั่วโมง (344 ก.ม.ต่อชั่วโมง) และสามารถเร่งสูงสุด 0- 60 mph ใน 3.5 วินาที
 

 


ลำดับที่ 3. SSC Ultimate Aero 
 

$ 654, 400 (22,904,000 บาท) ไม่รวมภาษี

ถ้าราคาแพงกว่านี้ อย่าไปซื้อเด็ดขาดครับ เขาบอกราคาคุณผิดแน่ๆ
ความเร็วสูงสุดที่ทำได้ แค่ 257 ไมล์ต่อชั่วโมง (411.2 ก.ม.ต่อชั่วโมง) และสามารถเร่งสูงสุด 0- 60 mph ใน 2.7 วินาที
 

 


ลำดับที่ 4. Koenigsegg CCX 
 

$ 545, 568 (19,094,880 บาท) ไม่รวมภาษี

ผลิตในประเทศ สวีเดน เคยนำไปแข่งรถที่เร็วที่สุดในโลก แต่เข้าเป็นลำดับที่3
ด้วยความเร็วสูงสุด 250 ไมล์ต่อชั่วโมง (400 ก.ม.ต่อชั่วโมง)
 


ลำดับที่ 5. Porsche Carrera GT 
 

$ 440, 000 (15,400,000 บาท) ไม่รวมภาษี

มีการควบคุมการทรงตัวด้วยระบบไดนามิค ทำความเร็วได้สูงสุด 209 ไมล์ต่อชั่วโมง (334.4 ก.ม.ต่อชั่วโมง)
สามารถเร่งความเร็วสูงสุด 0- 60 mph ใน 3.9 วินาที
 

 


Gallardo LP 570-4 Super Trofeo Stradale ที่สุดของรุ่นพิเศษ


Aventador LP 700-4

Aventador LP 700-4



Gallardo LP 570-4 Super Trofeo Stradale ที่สุดของรุ่นพิเศษ (ยานยนต์) 
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก   เฟซบุ๊ก   Lamborghini Gallardo Lp570-4 Super Trofeo Stradale

          ไม่ว่าใครก็ตาม หากได้ยินเสียงเครื่องยนต์ของซูเปอร์คาร์ยอดนิยมอย่าง Lamborghini ร้องคำราม รับรองได้ว่าหัวจิตหัวใจต้องระทึกสั่นอยากจะเข้าไม่กดคันเร่งเสียให้มิด ซึ่งไม่เพียงแต่สมรรถนะของเครื่องยนต์ที่สร้างความโดดเด่นให้กับเจ้ากระทิงเปลี่ยว หากแต่ความสวยงามตามแบบฉบับรถสปอร์ตพันธุ์แท้ ทั้งภายนอก และภายใน ยังเป็นแรงดึงดูดให้ผู้ที่ชื่นชอบความแรง (กระเป๋าหนัก) ตัดสินใจเลือก Lamborghini มาใช้เป็นพาหนะ บวกกับเทคโนโลยีที่อัดแน่นอยู่ในรถ ซึ่งอาจกล่าวได้ว่า นี่คือซูเปอร์คาร์ที่สมบูรณ์แบบ แบรนด์หนึ่งของโลก โดยเฉพาะ Lamborghini Gallardo LP570-4 Super Trofeo Stradale

 Gallardo LP 570-4 Super Trofeo Stradale ที่สุดของรุ่นพิเศษ

          Gallardo นับว่าเป็นซูเปอร์คาร์รุ่นเล็กของ Lamborghini ซึ่งหลังจากเปิดตัวรุ่นใหญ่อย่าง Aventador LP 700-4 ไป ให้หลังไม่นานทาง Automobili Lamborghini S.P.A ก็จัดการกระตุ้นความต้องการของลูกค้าอีกครั้งด้วยการเปิดตัวรถรุ่นพิเศษ Limited Edition ตัวล่าสุด Lamborghini Gallardo LP570-4 Super Trofeo Stradale ที่ว่ากันว่าเป็นรุ่น Top Model ของ Gallardo เลยทีเดียว แนวทางในการออกแบบจะใช้พื้นฐานเดียวกับเพื่อนร่วมค่ายอย่าง Lamborghini Blancpain Super Trofeo ตัวแข่งที่สร้างชื่อเสียงไปทั่วโลก

 Gallardo LP 570-4 Super Trofeo Stradale ที่สุดของรุ่นพิเศษ

          จุดเด่นภายนอกของรถคือการเลือกใช้สี โดยใช้สีแดงสด Rosso Mars เป็นสีหลัก ตัดสลับกับสีดำในส่วนของ สปอยเลอร์ หลังคา และปีกหลัง เพิ่มความดุกันยิ่งขึ้น ด้านท้ายติดตั้ง Diffuser จัดเรียงอากาศใต้ท้องรถ ผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์ เช่นเดียวกับกระจกมองข้างที่เคลือบมันวาวเพิ่มความสวยงาม ล้ออัลลอยน้ำหนักเบาขนาด 19 นิ้ว พร้อมด้วยคาลิเปอร์เบรคสีแดงตัวรถผ่านการรีดน้ำหนักให้ผอมเพรียวยิ่งขึ้น มีน้ำหนักเบากว่ารุ่นมาตรฐาน 70 กิโลกรัม โดยมีน้ำหนักรวมอยู่ที่ 1,340 กิโลกรัม ถังน้ำมันรองรับเชื้อเพลิง 90 ลิตร มิติตัวรถยาว 4,386 มม. กว้าง 1,900 มม. สูง 1,165 มม. ความยาวฐานล้อ 2,560 มม.

          ภายในห้องโดยสารมาพร้อมกับความหรูหรากับการตกแต่งด้วยสีทูโทน บุวัสดุคุณภาพเยี่ยมหนัง Alcantara บริเวณพวงมาลัย Dashboard คอนโซลหน้า ฯลฯ และตกแต่งด้วยคาร์บอนไฟเบอร์ บ่อเกิดขุมพลังเป็นเครื่องยนต์ V 10 ความจุ 5,204 ซีซี. เป็นเครื่องเดียวกับที่ใช้ในรุ่น Supperleggera ให้กำลังสูงสุด 570 แรงม้า ที่ 8,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 540 นิวตัน-เมตรที่ 6,500 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัจฉริยะ e-Gear 6 สปีด 

          อีกทั้งยังใช้คลัทช์คู่สู่การขับเคลื่อน 4 ล้ออัตโนมัติ ควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์ด้วยกล่อง ECU จาก BOSCH MED 9 ทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงภายใน 3.4 วินาที และ 0-200 กิโลเมตร/ชั่วโมงใช้เวลา 10.4 วินาที โดยให้ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 320 กิโลเมตร/ชั่วโมง ส่วนอัตราความสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ที่ 7.4 กิโลเมตร/ลิตรสำหรับการขับแบบผสม ปล่อยคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ 319 กรัม/กิโลเมตร Emission class อยู่ในระดับ EURO 5

          ใครที่คิดว่าแค่นี้ยัง “พิเศษ” ไม่พอ ยังต้องการรูปลักษณ์ของเวอร์ชั่นตัวเอง ทาง Lamborghini ตอบสนองด้วยอ๊อพชั่นพิเศษ Racing Option สามารถใช้งานบนท้องถนนได้ด้วย โดยประกอบไปด้วยการติดตั้งโรลบาร์รอบคัน ชุดเบรคเป็นแบบคาร์บอนเซรามิค เข็มขัดนิรภัย 4 จุด พร้อมด้วยถังดับเพลิง ขณะเดียวกันยังเพียบพร้อมไปด้วยเทคโนโลยีต่าง ๆ มากมาย เช่น ระบบนำทางผ่านดาวเทียม เชื่อมต่อ Bluetooth กับโทรศัพท์มือถือ ระบบป้องกันการโจรกรรม และระบบยกตัวสำหรับเพลาหน้า




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น